บันทึกความสำเร็จ! ดีเอชแอลขนส่งวัคซีนโควิด-19 รวม 1 พันล้านโดสทั่วโลก
บอนด์/เยอรมนี 16 กันยายน 2564: โควิด-19 กลายเป็นวิกฤตด้านสุขภาพทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบมากที่สุดในศตวรรษ รัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร และหน่วยงานสาธารณะต่างมุ่งความสนใจไปยังการการควบคุมไวรัส เร่งอัตราการฉีดวัคซีนเพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วอีกครั้ง นับตั้งแต่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ดีเอชแอลได้ทำหน้าที่สำคัญโดยการขนส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมมากกว่า 1 พันล้านโดสไปยังมากกว่า 160 ประเทศ ทั่วโลก
“เมื่อมองย้อนกลับไปในสภาวะฉุกเฉินในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในบทบาทสำคัญนี้ เราได้จัดการและดำเนินการด้านซัพพลายเชนหลากหลายรูปแบบเพื่อขนส่งวัคซีนด้วยความสำเร็จ โดยไม่กระทบต่อการควบคุมอุณหภูมิหรือความปลอดภัยระหว่างการขนส่ง ในหลายๆ ประเทศ เราได้ร่วมก่อตั้งระบบซัพพลายเชนและจัดการการกระจายวัคซีนโดยตรง เราจัดเตรียมการบริการรูปแบบใหม่และน่าเชื่อถือสำหรับการขนส่งวัคซีนโดยเฉพาะในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อจัดส่งวัคซีนที่มีความอ่อนไหวด้านอุณหภูมิ รวมถึงอุปกรณ์ช่วยเหลือและชุดตรวจ ให้ไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทในการเชื่อมต่อผู้คนและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น (Connecting people, improving lives) เราจะเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ เครือข่ายระดับโลกที่ยืดหยุ่น และเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านลอจิสติกส์เพื่อเภสัชกรรม รวมถึงส่งเสริมความเชี่ยวชาญของพนักงานของเราอย่างต่อเนื่อง” คัทยา บุสช์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ ดีเอชแอล กล่าว
โปรแกรมการฉีดวัคซีนทั่วโลกเปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับไวรัส และจำเป็นสำหรับการควบคุมเชื้อไวรัส ต้องใช้วัคซีนกว่า 10,000 ล้านโดสทั่วโลกภายในปี 2564 นี้ เพื่อให้คนทั่วโลกมีภูมิคุ้มกันระดับสูง ดังนั้น การขนส่งวัคซีนทั้งหมดนี้ไปทั่วโลกจึงมีความสำคัญ และทำให้คนจำนวนมากที่สุดสามารถเข้าถึงวัคซีนเหล่านี้ได้ นอกจากการจัดการระบบและโครงสร้างด้านซัพพลายเชนต่างๆ ข้อกำหนดที่เคร่งครัดในการรักษาอุณหภูมิถือเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับผู้ให้บริการลอจิสติกส์
“ข้อได้เปรียบของดีเอชแอลคือ เรามีความพร้อมด้านเน็ตเวิร์คที่มีประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญด้านลอจิสติกส์เพื่อสาธารณสุข จึงทำให้เราสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที” คลอเดีย โรว์ ประธานฝ่ายชีววิทยาศาสตร์และสาธารณสุข ศูนย์นวัตกรรมและโซชั่นเพื่อลูกค้าของดีเอชแอล กล่าว “เราขนส่งวัคซีนในบรรจุภัณฑ์พิเศษที่ควบคุมอุณหภูมิและติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับอุณหภูมิพร้อมด้วยเทคโนโลยี GPS เพื่อสามารถทำการตรวจสอบได้อย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทางการขนส่ง”
ดีเอชแอล โกลบอล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง และ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เป็นสองหน่วยธุรกิจของดีเอชแอลที่ได้ทำหน้าที่ขนส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในหลากหลายเส้นทางจากยุโรปและต้นทางอื่นๆ ไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชีย อเมริกาใต้และยุโรป โดยมีดีเอชแอล ซัพพลายเชน ทำหน้าที่จับเก็บวัคซีนอย่างรัดกุมและกระจายวัคซีนในพื้นที่ครอบคลุมหลากหลายรัฐในเยอรมนี
“สิ่งที่ขับเคลื่อนพวกเราไปข้างหน้าคือการสร้างความแตกต่างที่มีความหมายต่อผู้คน เราภาคภูมิใจกับการมีส่วนร่วมครั้งยิ่งใหญ่ในการขนส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่อชีวิตให้ถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วทั่วโลก” โธมัส เอลล์แมนน์ รองประธานฝ่ายชีววิทยาศาสตร์และสาธารณสุข ศูนย์นวัตกรรมและโซชั่นเพื่อลูกค้าของดีเอชแอล กล่าว “สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานไม่แสวงผลกำไร บริษัทด้านเภสัชกรรม ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ และบริษัทที่ให้บริการลอจิสติกส์ เป็นทางออกเดียวที่จะต่อสู้กับภาวะโรคระบาด ทั้งในตอนนี้และในอนาคต”
การเตรียมการที่จำเป็นเพื่ออนาคต
จากรายงานของดีเอชแอลเรื่อง “Revisiting Pandemic Resilience” ระบุว่าเราควรคงประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านลอจิสติกส์และขีดความสามารถที่ต่อเติมเพื่อรองรับโรคระบาด เพราะเรายังจำเป็นต้องใช้วัคซีนอีก 7-9 พันล้านโดสต่อปีอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี เพื่อให้ระดับการติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้ออยู่ในระดับต่ำ และชะลอการกลายพันธุ์ของไวรัส ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงปัจจัยเรื่องการผันแปรของฤดูกาล
การเตรียมการที่จำเป็นเพื่ออนาคต ต้องประเมินและป้องกันวิกฤตด้านสุขภาพก่อนเกิดเหตุ ผ่านความร่วมมืออย่างแข็งขัน ระบบการเตือนภัยทั่วโลกที่ครอบคลุม แผนการป้องกันภัยพิบัติอย่างบูรณาการ และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเฉพาะกลุ่ม ดีเอชแอลยังแนะนำให้ก่อตั้งและขยายขอบเขตการควบคุมไวรัสและมาตรการตอบโต้ (เช่น ระบบดิจิทัลที่ติดตามการสัมผัส และคลังจัดเก็บของประเทศ) เพื่อให้มีความพร้อมในเชิงกลยุทธ์และมีระยะเวลาในการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เพื่อให้การรักษาเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว (รวมถึง การวินิจฉัย การบำบัดรักษา และวัคซีน) รัฐบาลและอุตสาหกรรมต้องรักษากำลังการผลิตที่พร้อมอยู่เสมอ รวมถึงแนวทางการวิจัย การผลิตและแผนการจัดซื้อ และขยายขีดความสามารถในการขับเคลื่อนดำเนินงาน
คลิกอ่านข่าว: ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ขนส่งวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค ล็อตบริจาค 1.5 ล้านโดส จากสหรัฐอเมริกาถึงประเทศไทย